คำถามที่พบได้บ่อย (FAQ)
ตามประกาศของกระทรวงแรงงาน
(กฎกระทรวงความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร) กำหนดให้ต้องมีการ Load Test หรือการทดสอบน้ำหนักบรรทุกของ รอกโซ่ไฟฟ้า ควรดำเนินการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและอุปกรณ์ เช่น เครน, รอกโซ่มือสาว, รอกไฟฟ้า และรอกแบบอื่น ๆ การทดสอบนี้ต้องดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง พร้อมจัดเก็บหลักฐานผลการทดสอบให้ครบถ้วนในกรณีตรวจสอบจากหน่วยงานราชการ
วิธีการทดสอบน้ำหนัก | |||
---|---|---|---|
เครนใหม่ | < 20 ตัน | > 20–50 ตัน | > 50 ตัน |
น้ำหนักที่ทดสอบ | 1–1.25 เท่าของ SWL | + 5 ตัน จากพิกัด SWL | ตามผู้ผลิตกำหนด* |
เครนใช้งานแล้ว | ทุกพิกัดน้ำหนัก | ||
น้ำหนักที่ทดสอบ | 1.25 เท่าของพิกัดน้ำหนักสูงสุดที่ใช้งาน แต่ไม่เกิน SWL |
เครนเหนือศีรษะ (Overhead Crane)
• ติดตั้งภายในอาคาร
• เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องใช้ร่วมกับรอกไฟฟ้าหรือ รอกโซ่มือสาว ในการยกของหนักเป็นประจำ
• ติดตั้งภายในอาคาร เคลื่อนที่ตามแนวรางเหนือศีรษะ
เครนสนาม (Gantry Crane)
• คล้าย Overhead แต่มีขาตั้งยึดกับพื้น
• ใช้ได้ทั้งรอกไฟฟ้าและ รอกแบบมือหมุน
• เหมาะกับการใช้งานร่วมกับ รอกไฟฟ้ายกของ ในพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ลานจัดเก็บสินค้า หรือไซต์งานที่ต้องยกของบ่อยครั้ง
เครนแขนหมุน (Jib Crane)
• ใช้งานเฉพาะจุดในพื้นที่จำกัด มักติดตั้ง รอกโซ่ไฟฟ้า สำหรับงานยกชิ้นส่วนเฉพาะจุด
• หมุนได้รอบตัวหรือครึ่งวงกลม เหมาะสำหรับสถานีทำงานเดี่ยวที่ต้องการความคล่องตัวในการยกสินค้า
Monorail Crane
• ใช้กับรางเดี่ยวในสายการผลิตที่เคลื่อนย้ายสินค้าเป็นแนวตรง
• นิยมใช้ รอกโซ่ไฟฟ้าแบบแขวน ติดตั้งตามแนวรางเพื่อให้เหมาะกับงานประกอบหรือยกของต่อเนื่องในพื้นที่แคบ
เครนคานคู่ (Bridge Crane)
• ใช้คานสองข้างเชื่อมระหว่างรางวิ่งด้านข้างอาคาร เคลื่อนได้ทั้งแนวขวางและแนวยาว
• รองรับงานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องยกของขนาดใหญ่ โดยมักเลือกใช้ รอกโซ่ไฟฟ้าแบบ 2 ตะขอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกและกระจายน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
กฎกระทรวงความปลอดภัยฯ เกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2552 ออกตามพระราชบัญญัติความปลอดภัยฯ พ.ศ. 2554
• ต้องตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยก่อนใช้งาน รอกโซ่ไฟฟ้า-ต้องมีการอบรมผู้ควบคุมเครนหรือรอก
• การทดสอบ Load Test ของ รอกไฟฟ้ายกของ ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญและบันทึกไว้ทุกปี
• มาตรฐานที่ใช้กับ รอกไฟฟ้า เช่น มอก. 861-2532
• JIS (ญี่ปุ่น) มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรอกไฟฟ้า
• ASME/ANSI (อเมริกา) มาตรฐานด้านการยก ยึด และความปลอดภัยของเครน
รายการ | รอกสลิง (Wire Rope Hoist) | รอกโซ่ (Chain Hoist) |
---|---|---|
วัสดุยก | ลวดสลิง | โซ่เหล็ก |
พิกัดน้ำหนัก | รับโหลดได้มาก | เหมาะกับงานเบาถึงปานกลาง |
ความเร็วในการยก | ยกเร็วกว่า | ยกช้ากว่า |
ความยืดหยุ่น | ใช้งานได้หลากหลาย เช่นโรงงานขนาดใหญ่ | เหมาะกับพื้นที่จำกัด หรืองานชั่วคราว |
การดูแลรักษา | ต้องการการตรวจสอบสม่ำเสมอ | บำรุงรักษาง่ายกว่า |
ควรเลือกตามการใช้งาน
• ใช้รอกสลิง หากต้องการยกของหนัก ยกสูง หรือใช้งานต่อเนื่องในอุตสาหกรรมหนัก
• ใช้รอกโซ่ หากต้องการความประหยัด ง่ายต่อการติดตั้ง และใช้งานทั่วไป เช่นคลังสินค้า, เวิร์กช็อป
แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ อุปกรณ์สำหรับยกและเคลื่อนย้าย และ อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ดังนี้
อุปกรณ์สำหรับยกและเคลื่อนย้าย
• ตะขอ (Hook): สำหรับยึดชิ้นงานกับโซ่ของ รอกไฟฟ้ายกของ
• สลิง (Sling): ใช้วางรอบวัตถุเพื่อเกี่ยวเข้ากับตะขอและรอก
• ตัวจับชิ้นงาน (Workpiece Grabber): อุปกรณ์เฉพาะทางสำหรับการจับชิ้นงานที่มีลักษณะพิเศษ
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย
• ลิมิตสวิตช์ (Limit Switches): เพื่อตัดการทำงานเมื่อรอกหรือเครนเคลื่อนที่ไปถึงจุดสูงสุด ต่ำสุด หรือสุดทางซ้าย-ขวาและหน้า-หลัง
• ตัวป้องกันน้ำหนักเกิน (Overload Protection System): สำหรับตรวจจับน้ำหนักเกินพิกัดของ รอกโซ่ไฟฟ้า
• ชุดอุปกรณ์ควบคุม: ตู้คอนโทรลไฟฟ้าสำหรับควบคุมการทำงานของรอกและเครน
• เซ็นเซอร์อุณหภูมิ (Temperature Sensor): ตรวจจับอุณหภูมิของมอเตอร์ หากร้อนเกินกว่ากำหนด ระบบจะตัดการทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย
• สัญญาณเตือน: อุปกรณ์ที่แสดงสัญญาณเตือนขณะเครนกำลังเคลื่อนที่
1. ผ่านการอบรมการใช้รอกหรือเครนอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่รับรอง
2. มีความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
3. เข้าใจป้ายสัญลักษณ์, น้ำหนักบรรทุกที่ปลอดภัย (Safe Working Load)
4. มีทักษะการสื่อสารที่ดี (โดยเฉพาะกับผู้ส่งสัญญาณหรือ signalman)
5. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีปัญหาด้านการมองเห็นหรือการได้ยิน
6. ควรมีใบอนุญาตหรือใบรับรองตามกฎหมายของกระทรวงแรงงาน
รูปภาพการใช้สัญญาณมื่อสื่อสารระหว่างผู้ปฎิบัติงานเกี่ยวกับปั้นจั่น โดยกรมแรงงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ควบคุมควรปฏิบัติดังนี้:
• หยุดรอก/เครนทันที โดยกดปุ่มฉุกเฉิน (Emergency Stop)
• แจ้งหัวหน้างาน / ผู้ควบคุมงานทันที
• ห้ามพยายามแก้ไขด้วยตนเอง หากไม่ใช่ช่างที่ได้รับอนุญาต
• เคลื่อนย้ายบุคลากรออกจากพื้นที่เสี่ยง
• ตรวจสอบว่าระบบไฟฟ้า, ระบบควบคุม และโครงสร้างเครนปลอดภัย ก่อนกลับมาใช้งาน
• โหลดเกินพิกัด (Overload) – ยกน้ำหนักมากเกินกว่าค่าที่กำหนด
• ระบบไฟฟ้าขัดข้อง – ไฟไม่เข้า, ฟิวส์ขาด หรือระบบควบคุมเสีย
• เบรกชำรุด – ทำให้ไม่สามารถล็อคตำแหน่งได้
• ลวดสลิงหรือโซ่ขาด / พันกัน – อาจเกิดจากการใช้งานผิดวิธี
• Limit Switch ขัดข้อง – ทำให้รอกหยุดอัตโนมัติในจุดที่ไม่ควรหยุด
• ขาดการบำรุงรักษา –เช่น ไม่ตรวจสอบรอยสึกหรอ หรือไม่ได้หล่อลื่นตามรอบ
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรอกและป้องกันอุบัติเหตุ